วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก วัดตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว - พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ
ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำริให้แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ด้วยวิธีเติมอากาศที่บึงพระราม ๙ ซึ่งเป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และปรับปรุงสภาพพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนบริเวณบึงพระราม ๙ ดำเนินการจัดตั้งวัด เพื่อเป็นพุทธสถานในการประกอบกิจของสงฆ์ และเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของราษฎรในการที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน
ต่อมาในวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี เข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินจำนาน ๕-๒-๕๔ ไร่ เพื่อดำเนินการสร้างวัดในนามมูลนิธิชัยพัฒนา ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้จัดสร้างวัด ซึ่งมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ฝ่ายสงฆ์ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์อุปถัมภ์ฝ่ายฆราวาส
การสร้างวัด
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นแบบอย่างในการก่อสร้างวัดเล็กๆ เพื่อเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของชุมชน ที่ตั้งอยู่บริเวณไกล้เคียง และเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมต่างๆ ในการเผยแผ่ศีลธรรม และจริยธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน
เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์อุโบสถ วัดพระราม ๙ กาญนาภิเษก และวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงประกอบพิธีฝังลูกนิมิต ตามประเพณี
วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษกได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากวัดอื่น เนื่องจากเป็นวัดขนาดเล็กใช้งบประมาณที่ประหยัด และเรียบง่ายที่สุด ประกอบด้วย อุโบสถ ศาลาอเนกประสงค์ สระน้ำ กุฎีเจ้าอาวาส กุฎีพระจำนวน ๕ หลัง โรงครัว และอาคารประกอบที่จำเป็น อาคารทุกหลังจะใช้สีขาวซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด สวยงาม ส่วนอุโบสถจะเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยโบราณผสมผสานกับสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โดยคำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยเป็นสำคัญ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ได้ประทานอนุญาตให้ พระราชสุมนต์มุนี (อภิพล อภิพโล) เลขานุการในพระองค์ และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เป็นองค์ปฐมแห่งอาราม ตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา ที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นมา พร้อมด้วยคณะสงฆ์ภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่ง
พระประธาน
พระประธานที่ประดิษฐาน ณ อุโบสถ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ได้รับการออกแบบจากเรืออากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ซึ่งเป็นสถาปนิกของกรมศิลปากร และได้ทำการออกแบบทั้งสิ้น ๗ แบบ ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกัน จากนั้นมูลนิธิชัยพัฒนานำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทอดพระเนตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเลือกแบบ พระพุทธรูปปางมารวิชัย(ปางชนะมาร) โดยได้ทรงแก้ไขแบบอีกเล็กน้อยด้วยพระองค์เอง และคณะอนุกรรมการการก่อสร้างฯ ได้มอบให้อาจารย์นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน คณบดีคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผู้ปั้นพระพุทธรูปปางมารวิชัยในครั้งนี้
พระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาดความสูงจากทับเสร็จ (หน้ากระดาน) ถึงปลายรัศมี ๑๘๐ เซนติเมตร ขนาดหน้าพระเพลา ๑๒๐ เซนติเมตร โดยมีพุทธสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของพระประธาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย มีพุทธลักษณะแบบรัตนโกสินทร์ ฐานชุกชีทำด้วยหินอ่อน ส่วนองค์พระพุทธรูปทำด้วยทองเหลืองผสมทอง ที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างอุดมคติและเหมือนจริง ด้วยการห่มจีวรแบบพระสงฆ์ที่เหมือนจริง แต่มีพระเกศาเป็นอุดมคติ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงาม กลมกลืน และปราณีตยิ่งนัก
เว็บไซด์อย่างเป็นทางการ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษ
www.rama9temple.org
นอกจากนี้บางแห่ง (manager.co.th) ยังกล่าวว่าอาจมีอีก 2 วัด นอกจาก วัดพระราม 9 กาญนาภิเษก ซึ่ง 1 ใน 3 วัดนี้ คือวัดประจำรัชกาลที่ 9 คือ
วัดโสธรวราราม วรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
สำหรับวัดหลวงพ่อโสธรนั้น ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง พระอุโบสถวัดโสธรฯ เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ หลังคาจตุรมุขแบบปราสาทไทย ส่วนกลางพระอุโบสถมียอดมณฑปเป็นฉัตรทองคำแท้ๆ 5 ชั้น หนัก 77 กิโลกรัม กำแพงของพระอุโบสถปูด้วยหินอ่อนจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลี ว่ากันว่าวัดนี้จะเป็นพระอุโบสถที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในโลก
วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรี
สำหรับวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร จังหวัดชลบุรีนั้น ก็เป็นวัดที่มีสิ่งน่าเที่ยวชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธมหาวชิราอุตตโมภาสศาสดา ประติมากรรมบนผาหินเขาชีจรรย์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก พระพุทธปฏิมาศรีอริยเมตไตรย พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร พระมหามณฑปพุทธบาท ภปร.สก. ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนยอดเขา แก้ว รูปทรงคล้ายพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี นอกจากนี้ วัดญาณสังวราราม ยังมีพื้นที่ตามโครงการพระราชดำริอีก 2,500 ไร่ ให้เที่ยวชมกัน
รายละเอียดวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร เพิ่มเติม
ที่มา : dhammathai.org
No comments:
Post a Comment