ปาจิตติยกัณฑ์
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๙ รตนวรรค
สิกขาบทที่ ๑ เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล
[๗๓๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอาราม ของ อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสสั่งเจ้าหน้าที่ผู้รักษา พระราชอุทยานว่า ดูกรพนาย เจ้าจงไปตกแต่งอุทยานให้เรียบร้อย เราจักประพาสอุทยาน. เจ้าหน้าที่รักษาพระราชอุทยานผู้นั้น รับสนองพระบรมราชโองการแล้ว ตกแต่งพระราช- *อุทยานอยู่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง ครั้นแล้ว จึงเข้าเฝ้าพระเจ้า ปเสนทิโกศล กราบทูลว่า ขอเดชะ พระราชอุทยานเรียบร้อยแล้ว และพระผู้มีพระภาคประทับ อยู่ ณ โคนไม้ในพระราชอุทยานนั้น พระพุทธเจ้าข้า. ท้าวเธอรับสั่งว่า ช่างเถอะพนาย เราจักเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นแล้วเสด็จไปสู่ พระราชอุทยาน เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ขณะนั้นมีอุบาสกผู้หนึ่งนั่งเฝ้าพระผู้มีพระภาคอยู่ใกล้ๆ ท้าวเธอได้ทอดพระเนตรเห็นอุบาสกนั้นนั่งเฝ้าอยู่ใกล้พระผู้มีพระภาค ทรงตกพระทัยยืนชะงักอยู่ ครั้นแล้วทรงพระดำริว่า บุรุษผู้นี้คงไม่ใช่คนต่ำช้า เพราะเฝ้าพระผู้มีพระภาคอยู่ใกล้ๆ ได้ ดังนี้ แล้วเข้าไปถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ณ ราชอาสน์อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง. ส่วนอุบาสกนั้นไม่ถวายบังคม ไม่ลุกรับเสด็จพระเจ้าปเสนทิโกศล ด้วยความเคารพ ต่อพระผู้มีพระภาค จึงพระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงพอพระทัยว่า ไฉนบุรุษนี้ เมื่อเรามาแล้ว จึงไม่ไหว้ ไม่ลุกรับ พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงพอพระทัย จึงตรัสขึ้นใน ขณะนั้นว่า มหาบพิตร อุบาสกผู้นี้ เป็นพหูสูต เป็นคนเล่าเรียนพระปริยัติธรรมมาก เป็นผู้- *ปราศจากความยินดีในกามทั้งหลาย. ครั้งนั้นแล พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงพระดำริว่า อุบาสกผู้นี้ไม่ใช่เป็นคนต่ำต้อย แม้พระผู้มีพระภาคก็ยังตรัสชมเขา แล้วรับสั่งกะอุบาสกนั้นว่า ดูกรอุบาสก เธอพึงพูดได้ตาม ประสงค์เถิด. อุบาสกนั้นกราบทูลว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นเกล้า ฯ พระพุทธเจ้าข้า. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ ทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว เสด็จลุกจากที่ประทับ ถวายบังคม พระผู้มีพระภาค ทรงทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับ. [๗๓๒] ต่อมา พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับอยู่ ณ พระมหาปราสาทชั้นบน ได้ทอด- *พระเนตรเห็นอุบาสกนั้นเดินกั้นร่มไปตามถนน จึงโปรดให้เชิญตัวมาเฝ้าแล้วรับสั่งว่า ดูกรอุบาสก ได้ทราบว่า เธอเป็นพหูสูต เป็นคนเล่าเรียนพระปริยัติธรรมมาก ดีละ อุบาสก ขอเธอจงช่วย สอนธรรมแก่ฝ่ายในของเรา. อุบาสกนั้นกราบทูลว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมด้วยอำนาจแห่งพระคุณเจ้า ทั้งหลาย พระคุณเจ้าเท่านั้น จักสอนธรรมแก่ฝ่ายในของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้. พระเจ้าปเสนทิโกศลรับสั่งขึ้นในขณะนั้นว่า อุบาสกพูดจริงแท้ ดังนี้แล้วเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วประทับนั่ง ณ ราชอาสน์อันสมควรส่วนข้างหนึ่ง กราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพระวโรกาส ขอพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดให้ภิกษุรูปหนึ่ง ไปเป็น ผู้สอนธรรมแก่ฝ่ายในของหม่อมฉัน พระพุทธเจ้าข้า. ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ครั้นพระเจ้าปเสนทิโกศล อันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจง ให้ ทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว เสด็จลุกจากที่ประทับ ถวายบังคม พระผู้มีพระภาค ทรงทำประทักษิณเสด็จกลับไปแล้ว.ทรงแต่งตั้งท่านพระอานนท์เป็นครูสอนธรรม ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงสอนธรรมแก่ฝ่ายในของพระเจ้าแผ่นดิน. ท่านพระอานนท์ ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้วเข้าไปสอนธรรมแก่ฝ่ายในของพระเจ้า- *แผ่นดินทุกเวลา ต่อมาเช้าวันหนึ่ง ท่านพระอานนท์ครองอันตรวาสกแล้วถือบาตร จีวร เข้าไปสู่ พระราชนิเวศน์ ขณะนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับอยู่ในห้องพระบรรทมกับพระนางมัลลิกาเทวี พระนางได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระอานนท์มาแต่ไกลเทียว จึงผลีผลามลุกขึ้น พระภูษาทรง สีเหลืองเลียนได้เลื่อนหลุด ท่านพระอานนท์กลับจากสถานที่นั้นในทันที ไปถึงอารามแล้วแจ้งเรื่อง นั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน ท่าน พระอานนท์ ยังไม่ได้รับบอกก่อนจึงได้เข้าสู่พระราชฐานชั้นในเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี พระภาค.ทรงสอบถาม พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ข่าวว่า เธอไม่ได้รับบอก ก่อนเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน จริงหรือ? ท่านพระอานนท์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.ทรงติเตียน พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรอานนท์ ไฉน เธอยังไม่ได้รับบอกก่อนจึงได้ เข้าสู่พระราชฐานชั้นในเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยัง ไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ... ครั้นแล้ว ทรงทำธรรมีกถา แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลาย ดังต่อไปนี้.
ที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=14047&Z=14109
No comments:
Post a Comment