2010-06-18

ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๔ โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๕ เรื่องภิกษุหลายรูป

พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค  
ปาจิตติยกัณฑ์  
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๔ โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๕ เรื่องภิกษุหลายรูป

[๔๙๙] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่ง นิมนต์ภิกษุทั้งหลาย
ให้ฉัน. ภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ไปสู่ตระกูลญาติ. บางพวกก็ฉันอีก บางพวกก็
รับบิณฑบาตไป. หลังจากเลี้ยงพระแล้ว พราหมณ์ได้กล่าวเชิญชวนพวกเพื่อนบ้านว่า ท่านทั้งหลาย
ข้าพเจ้าเลี้ยงภิกษุให้อิ่มหนำแล้ว มาเถิด ข้าพเจ้าจักเลี้ยงท่านทั้งหลายให้อิ่มหนำบ้าง.
พวกเพื่อนบ้านพากันกล่าวแย้งอย่างนี้ว่า ท่านจักเลี้ยงพวกข้าพเจ้าให้อิ่มได้อย่างไร แม้
ภิกษุทั้งหลายที่ท่านนิมนต์ให้ฉันแล้ว ยังต้องไปที่เรือนของพวกข้าพเจ้า บางพวกก็ฉันอีก
บางพวกก็รับบิณฑบาตไป.
จึงพราหมณ์นั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลาย ฉันที่เรือนของ
เราแล้ว ไฉนจึงได้ฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีกเล่า ข้าพเจ้าไม่มีกำลังพอจะถวายให้พอแก่ความต้องการ
หรือ
ภิกษุทั้งหลาย ได้ยินพราหมณ์นั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นพวกมัก
น้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว จึงได้ฉัน ณ
ที่แห่งอื่นอีกเล่า ... แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุทั้งหลาย
ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ยังฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีก จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉน ภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้น
ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว จึงได้ฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีกเล่า การกระทำของภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้นนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อม
ใสแล้ว ... .
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๘๔. ๕. ก. อนึ่ง ภิกษุใดฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของ
เคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี เป็นปาจิตตีย์.
ก็สิกขาบทนี้ ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการ
ฉะนี้.
เรื่องภิกษุหลายรูป จบ.
เรื่องอาหารเดน
[๕๐๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายนำบิณฑบาตอันประณีตไปถวายพวกภิกษุอาพาธ.
พระภิกษุอาพาธฉันไม่ได้ดังใจประสงค์. ภิกษุทั้งหลายจึงทิ้งบิณฑบาตเหล่านั้นเสีย.
พระผู้มีพระภาคทรงสดับเสียงนกการ้องเกรียวกราว ครั้นแล้วได้รับสั่งถามท่านพระ
อานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เสียงนกการ้องเกรียวกราวนั้น อะไรกันหนอ.
จึงท่านพระอานนท์กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ภ. ดูกรอานนท์ ก็ภิกษุทั้งหลายฉันอาหารอันเป็นเดนของภิกษุอาพาธหรือ?
อา. มิได้ฉัน พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงอนุญาตให้ฉันอาหารเป็นเดนภิกษุไข้
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะ
เหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ฉันอาหารอัน
เป็นเดนของภิกษุผู้อาพาธและมิใช่ผู้อาพาธได้ แต่พึงทำให้เป็นเดน อย่างนี้ว่า ทั้งหมดนั่นพอแล้ว.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระอนุบัญญัติ
๘๔. ๕. ข. อนึ่ง ภิกษุใดฉันเสร็จแล้ว ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี
ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี อันมิใช่เดน เป็นปาจิตตีย์.

เรื่องอาหารเดน จบ.

-----------------------------------------------------


ที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=10695&Z=10743

No comments:

ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในเว็บไซด์ที่เป็นของ Andaman Amulet ไม่สงวนสิทธิ์ สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้
ข้อความและรูปภาพบางส่วน นำมาจากเว็บไซด์หลายแห่ง ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ติดต่อผู้จัดทำได้ที่ E-mail : skarnwigit@gmail.com


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ผู้ขอมักเป็นที่รังเกียจ