กามราคะ ความกำหนัดด้วยอำนาจกามคุณ ๕ กล่าวคือ ความใคร่ ความปรารถนา ฯ. ใน รูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ อันล้วนเป็นกาม ราคะ ชนิดวัตถุกาม อันคือ วัตถุอันน่าใคร่ หรือวัตถุอันเป็นเหตุให้เกิดความใคร่เป็นเหตุปัจจัยสำคัญ หมายถึง เกิดความใคร่ ความปรารถนา ความอยาก ความไม่อยากเกิดขึ้นแก่ใจ แต่มีเหตุปัจจัยโดยตรงเนื่องจากวัตถุกาม
สําหรับฆราวาสนั้น การมีเพศสัมพันธ์กับคู่ของตนเองหรือโผฏฐัพพะ ก็นับว่าเป็นพรหมจรรย์ตามฐานะแห่งตน แต่ย่อม ยังไม่ถึงที่สุดแห่งการดับทุกข์เท่านั้น อันเนื่องจากยังบริโภคกามอยู่ กล่าวคือยังเนื่องอยู่หรือมีหน้าที่ต่างๆที่ ผูกพันพึงกระทำอยู่เป็นเครื่องผูก กล่าวคือเป็นไปตามหลักอิทัปปัจจยตานั่นเอง นั่นคือยังทำเหตุอยู่ ก็ย่อมเกิดผลขึ้นเป็นธรรมดานั่นเอง
แต่ถึงกระนั้นก็ดี ก็สามารถจางคลายจากทุกข์ได้เป็นลําดับขั้นของโลกุตรธรรม(ธรรมหรือสิ่งที่อยู่เหนือ สภาวะทางโลกๆ,สภาวะเหนือโลก) จึงย่อมสามารถอยู่ในโลกได้อย่างสุขสงบสบาย จึงระงับอุปาทานทุกข์ลงได้ตามควรเป็นลำดับตามโลกุตรภูมินั้นๆ และตั้งแต่พระโสดาบันเป็นลำดับไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามที เขาย่อมเป็นผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพานในที่สุด อันพึงแต่เพียงรอเวลาหรือกาลวาระเท่านั้น ไม่อาจสามารถผันแปรไปเป็นอื่นได้อีกต่อไป อันท่านจัดว่า เป็นผู้มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ย่อมถึงที่สุดแห่งทุกข์ในกาลต่อไปอย่างแน่นอน ดังมีพุทธดำรัส ตรัสไว้ในพระสูตรดังนี้
โสตาปันนสูตร
ว่าด้วยผู้เป็นพระอริยสาวก โสดาบัน
[๒๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้. อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน? ได้แก่ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือ สังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่พระอริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งเหตุเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ ตามความเป็นจริง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า พระอริยสาวกผู้โสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงมีอันจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
ที่มา : http://www.nkgen.com
No comments:
Post a Comment