ชีวประวัติ ดร.ไมตรี บุญสูง คหบดีชื่อดัง อดีตนายกเล็กเมืองภูเก็ต
ดร.ไมตรี บุญสูง เกิดเมื่อ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นบุตรของนายจุติ และนางบัวคลี่ บุญสูง เจ้าของกิจการเรือขุดแร่รายใหญ่ของ จ.ภูเก็ต มีฐานะความเป็นอยู่ในระดับเศรษฐีของเมืองภูเก็ต นายไมตรีมีพี่น้อง ๒ คน สมรสกับนางรัตน์ มีลูกชายหญิง ๔ คน และมีลูกชายอีก ๓ คน กับนางเนาวรัตน์ วัชรา อดีตนางสาวไทย
หลังจากจบการศึกษาจากเมืองไทยแล้ว นายไมตรีได้ไปศึกษาต่อที่ปีนัง และประเทศออสเตรเลีย สาขาบริหารธุรกิจ เมื่อจบการศึกษาได้เดินทางกลับมาทำงานในบริษัทของคุณพ่อ ตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยช่วงหนึ่งได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองภูเก็ต 1 สมัย หลังจากนั้นได้หันหลังให้การเมืองท้องถิ่น เพราะเห็นว่าไม่ใช่วิถีชีวิตของตนเอง แม้ในระยะหลังจะมีผู้ชักชวนให้ลงเล่นการเมืองระดับชาติก็ตาม
สมัยที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มนายไมตรี เป็นผู้ให้ความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์มาก หากรู้ว่ามีพระเกจิอาจารย์ที่ไหนเก่ง ทางด้านคาถาอาคมที่ไหน ก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ ศึกษาเล่าเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง พระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่นายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์ก็คือ พระอาจารย์นำ (แก้วจันทร์) ชินวโร วัดดอนศาลา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ผู้สืบสานวิชาไสยศาสตร์สายเขาอ้อ อันเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
นายไมตรีได้เรียนรู้สรรพวิชาสายเขาอ้อ มาจนเจนจบทุกวิชาอาคม แม้แต่การนอนแช่น้ำว่าน การกินข้าวเหนียวดำ ที่เป็นสุดยอดของวิชาสายเขาอ้อ มาจนถึงทุกวันนี้ คาถาอาคมต่างๆ เหล่านี้นายไมตรี ก็ยังจดจำได้หมด ครบทุกบทคาถา เวลาไปไหนมาไหนบางครั้งถึงกับมีคนให้ท่านลงกระหม่อมก็มี ช่วงหลังๆ มานี้มีบางพิธีปลุกเสกพระ นายไมตรีจะร่วมลงนั่งปรกปลุกเสกด้วย หลังสุดนายไมตรีได้สมัครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม อีกแห่งหนึ่ง
ก่อนหน้าที่วัตถุมงคลจตุคามรามเทพ จะโด่งดังเช่นทุกวันนี้ นาย ไมตรีได้เคยจัดสร้างจตุคามรามเทพ มาแล้วรุ่นหนึ่ง โดยประกอบพิธีปลุกเสกที่วัดในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๗ โดยหาปัจจัยถวายให้ ศาลเจ้าเจ่งอ๋อง จ.ภูเก็ต โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้มีนายไมตรี เป็นประธานดำเนินการก่อสร้าง สำหรับ "จตุคามรามเทพ" รุ่นนี้จะมีลายเซ็นชื่อของนายไมตรีกำกับอยู่ด้านหลังทุกองค์
เรื่องของวิชาไสยศาสตร์ นายไมตรีเคยกล่าวว่า ใครรับแล้วต้องมีสัจจะ ต้องทำจริงๆ ใครผิดสัจจะต่อครูบาอาจารย์ ทำอะไรก็จะผิดหมด เรื่องแบบนี้หากเราไปพูดให้ใครฟัง บางคนเชื่อก็แล้วไป แต่บางคนเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด เขาจะหาว่าเราบ้าก็ได้ หรืออาจถูกมองว่าเราเป็นคนงมงายไปเลยก็มี
จึงอยากให้มองเป็น เรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลจะดีกว่า ใครที่เคยแขวนพระเครื่องแล้วมีประสบการณ์เขาจะเข้าใจได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไปพบกับอะไรบ้าง ชีวิต หน้าที่การงานเขาดีขึ้นไหม เราจะเห็นว่า คนที่แคล้วคลาดจากการรอดตายทางอุบัติเหตุมากมาย ก็มีทางเป็นไปได้ว่า เกิดจากพุทธคุณของพระนั่นเอง
พระเครื่องที่ ดร.ไมตรี แขวนติดตัวเป็นประจำนั้น ประกอบด้วย
๑.พระจตุคามรามเทพ พิมพ์เล็ก เนื้อไม้ หลักเมืองนครศรีธรรมราช รุ่นแรก ปี ๒๕๓๐
๒.พระยอดขุนพล ที่พระอาจารย์ชุม ไชยคีรี กับ พระอาจารย์นำ ได้ร่วมกันสร้าง
๓.เหรียญพระอาจารย์หรีด รุ่นแรก เนี้อทองคำ
และ ๔.เหรียญพระปิดตาพังพระกาฬ หลักเมืองนครศรีธรรมราช
นายไมตรี ยังได้กล่าวถึงการแขวนพระเครื่องว่า เพื่อให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เมื่อแขวนแล้วมีความศรัทธา พลังปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นมาเอง
นอกจากเป็นคนเชื่อในเรื่องของปาฏิหาริย์แล้ว นายไมตรียังเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วยังเชื่อว่า ชาตินี้มีจริง ชาติหน้าก็ต้องมีจริง ซึ่งผลของการกระทำจะเกิดให้เห็นได้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เช่นเดียวกับคนเราที่เกิดมาได้ก็ด้วยกรรม ตัวเราก็คือกรรม เกิดมาก็ต้องมาชดใช้กรรม และคนเราก็ต้องจากไปด้วยกรรม เมื่อยังมีชีวิตอยู่จะทำกรรมดีหรือทำกรรมชั่ว ก็เลือกกันเอาเอง ไม่มีใครบังคับได้
"ชาติหน้าใครเกิดในภพภูมิที่ดีก็ต้อง สร้างบุญกุศลไว้ให้มาก เพื่อจะได้เกิดในภพที่เป็นมนุษย์ แต่ถ้าใครไม่ทำบุญ ก็ต้องไปเกิดในภพที่เป็นอมนุษย์ ประกอบด้วยกิเลสตัณหา คนเราจะไปในภพภูมิที่ดีได้ก็อยู่ ที่การปฏิบัติจริงๆ ศีล 5 ต้องครบ และต้องมีหิริโอตตัปปะ ละอายต่อบาป แล้วยังต้องมี พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐ และบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์เรามีแค่นี้ก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว" นายไมตรีกล่าว
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้นายไตรีเป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่เสมอ หากเห็นว่าวัดไหนมีความขาดแคลน เมื่อทราบก็จะบริจาคเงินไปทันที
นอกจากนี้ นายไมตรียังได้สร้างพระหลวงพ่อทวด ไว้หลายรุ่น โดยขอให้พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี ปลุกเสกให้ ทุกรุ่นล้วนได้รับนิยมจากนักสะสมพระเครื่องโดยทั่วไป
เกียรติประวัติที่นายไมตรีปลาบปลื้มที่สุด คือ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ จนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สายสะพายถึง ๓ สาย คือ มหาวชิรมงกุฎไทยปฐมาภรณ์ช้างเผือก และ ทุติยดิเรกคุณาภรณ์ นับเป็นเอกชนคนแรกของ จ.ภูเก็ต ที่ได้รับสายสะพายสูงสุด และมากที่สุด
วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐ นายไมตรี บุญสูง ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคถุงลมโป่งพอง ที่โรงพยาบาลธนบุรี บางกอกน้อย กทม. หลังจากเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม โดยวันที่ ๑๗ พฤษภาคม มีการเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต และมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันเดียวกัน รวมอายุ ๗๒ ปี
ที่มา : เรียบเรียงจากคมชัดลึก
No comments:
Post a Comment