พระพุทธเจ้าโปรดองคุลิมาลย์
มีกุมารผู้หนึ่งชื่อ อหิงสกุมาร เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ไปศึกษาศิลปศาสตร์ ที่นครตักสีลา เนื่องจากอหิงสกุมาร เป็นผู้ที่มีความสามารถ จึงเป็นที่รักใคร่ของอาจารย์ ทำให้บรรดาสานุศิษย์อื่น ๆ พากันอิจฉา และได้ช่วยกันยุยงให้อาจารย์ชิงชังอหิงสกุมาร
ในที่สุดอาจารย์ก็คล้อยตามศิษย์ส่วนใหญ่ คิดหาทางขจัดอหิงสกุมารโดยวิธีการยืมมือผู้อื่น ให้สังหารอหิงสกุมารเสีย จึงได้ออกอุบายให้ฆ่าคนให้ครบหนึ่งพันคน เพื่อสังเวยวิทยาเวท อหิงสกุมารต้องอุบายดังกล่าวจึงได้ออกสู่ป่าชาลินี แห่งแคว้นโกศล แล้วแอบฆ่าผู้คนที่สัญจรไปมาผ่านป่านั้น และเพื่อเป็นการนับจำนวนผู้ที่ถูกฆ่า จึงได้ตัดข้อนิ้วมือเอาไว้ แล้วทำเป็นพวงมาลัยคล้องคอไว้กันลืม จึงได้ชื่อว่า องคุลิมาลย์ แปลว่าผู้มีนิ้วมือคนเป็นมาลัย
เมื่อฆ่าคนได้ 999 คน เหลืออยู่เพียงหนึ่งคนก็จะครบจำนวน ตามที่อาจารย์กำหนด และกำลังจะฆ่ามารดาของตนที่ออกไปตามด้วยความไม่รู้ พระผู้มีพระภาคทราบด้วยพระญาณ พระองค์จึงได้เสด็จไปดักทางไว้ก่อน เมื่อองคุลิมาลย์เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จอยู่จึงรีบตามไปแต่ตามไม่ทัน จึงได้ร้องเรียกให้พระองค์หยุดก่อน พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า พระองค์หยุดแล้วแต่องคุลิมาลย์ยังไม่หยุด องคุลิมาลย์จึงได้ขอคำอธิบาย พระองค์จึงได้ขยายความหมายให้ฟังว่า พระองค์ได้หยุดการประกอบอกุศลกรรมทั้งปวงแล้ว แต่องคุลิมาลย์ยังไม่หยุดการประกอบอกุศลกรรม องคุลิมาลย์ได้คิดและขอบวชเป็นพระภิกษุต่อมา
พระพุทธเจ้าทรงทรมานช้างนาฬาคีรี
พระเทวทัตต์ต้องการปลงพระชนม์พระพุทธองค์ ในขณะที่พระองค์เสด็จไปสู่นครราชคฤห์ โดยปล่อยช้างนาฬาคีรีซึ่งกำลังดุร้าย เพื่อให้เข้าทำร้ายพระพุทธองค์
เมื่อช้างวิ่งเข้ามาด้วยอาการดุร้าย พระอานนท์พระพุทธอุปัฏฐาก ยอมสละชีวิตเข้าไปยืนขวางหน้าช้างนาฬาคีรีไว้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทำช้างที่กำลังดุร้ายสงบลงด้วย การแผ่เมตตาอันมีอยู่เต็มเปี่ยมในพระองค์ ทำให้ช้างยอมสยบอยู่แทบพระบาท และหายจากความดุร้ายโดยสิ้นเชิง
พระโมคคัลลานะปรินิพพาน
พระมหาโมคคัลลานะ เป็นพระสาวกที่ได้รับยกย่อง จากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าพระภิกษุอื่นในด้านมีฤทธิ์ และเป็นคู่อัครสาวกเบื้องซ้าย คู่กันกับพระสารีบุตร ผู้ได้รับยกย่องว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุอื่นในด้านปัญญา และเป็นอัครสาวกเบื้องขวา
พระมหาโมคคัลลานะ เป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนา ท่านสอนคนที่ดุร้ายให้เป็นคนอ่อนโยน สอนผู้ที่กระด้างให้เป็นคนเรียบร้อย สอนผู้ที่ตระหนี่ให้เป็นคนเสียสละ เป็นต้น และท่านได้เป็นผู้นำเรื่องราวของนรกและสวรรค์ มาแจ้งให้แก่คนทั่วไปได้ทราบ คนทั่วไปจึงหันหลังให้ศาสดาเก่าของตน แล้วกลับมานับถือพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น บรรดาพวกเดียรถีย์เห็นลาภสักการะที่ตนเคยได้ลดน้อยลงทุกทีก็ไม่พอใจ เมื่อทราบว่าพระโมคคัลลานะ เป็นผู้ชักจูงประชาชนไป จึงเรี่ยไรเงินจากอุปัฏฐานของตน จ้างโจรจำนวนมากให้ไปฆ่าพระโมคคัลลานะเสีย
ในครั้งนั้น พระโมคคัลลานะอาศัยอยู่ที่กาฬศิลา เมื่อพวกโจรพากันไปล้อม ท่านก็หลีกหนีพวกโจรไปได้ พวกโจรล้อมอยู่ถึงสองเดือน ยังจับท่านไม่ได้ ครั้นล่วงถึงเดือนที่สาม ท่านได้พิจารณาถึงกรรมของท่านในอดีตชาติ ที่ได้เคยทุบตีบิดามารดา และถึงเวลาที่ท่านจะปรินิพพาน จึงไม่ยอมหลีกหนีไป ยอมให้พวกโจรทุบตีตามใจชอบ เมื่อพวกโจรทุบตีจนเป็นที่พอใจแล้ว พระโมคคัลลานะจึงได้เข้าฌานรวบรวมอัตภาพ แล้วมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค เพื่อทูลลาปรินิพพาน พระผู้มีพระภาคก็ทรงอนุญาต จากนั้นพระโมคคัลลานะก็กลับไปปรินิพพานที่กาฬศิลา พระผู้มีพระภาคพร้อมพระภิกษุสงฆ์ และบรรดาเทพยดาได้มาร่วมงานถวายพระเพลิง แล้วเก็บอัฐิบรรจุไว้ ณ ซุ้มพระวิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี
หน้าแรก................................................หน้าที่แล้ว................................................หน้าถัดไป
No comments:
Post a Comment