พระราหุลออกบวช
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจัาเสด็จไปบิณฑบาตในกรุงกบิลพัสดุ์นับเป็นวาระที่ 7 พระนางยโสธราพิมพา ได้รับสั่งให้พระราหุลราชกุมาร ไปทูลขอขุมทองต่อพระพุทธองค์ผู้เป็นพระราชบิดา แต่เมื่อพระราหุลได้พบ พระบรมศาสดาแล้ว ก็เกิดความชื่นชมเลื่อมใสและหาได้ทูลขอขุมทองไม่
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทำภัตตกิจเสร็จ ก็เสด็จกลับสู่พระวิหารนิโครธาราม พระราหุลก็เสด็จตามไปด้วย พระพุทธองค์ทรงทราบในอัทธยาศัยของพระราหุลว่าอยากจะได้สมบัติ แต่พระองค์ควรที่จะประทานอริยทรัพย์มากกว่า จึงได้ตรัสสั่งให้พระสารีบุตรบรรพชาให้พระราหุล เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบก็โทรมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคว่า ขอมิให้สาวกองค์ใด บวชบุคคลที่ยังมิได้รับอนุญาตจากบิดามารดา พระพุทธองค์ก็ทรงประทานให้ตามที่ขอ
พระราหุลนิพพาน
เมื่อพระสารีบุตรบรรพชาให้พระราหุลเป็นสามเณร โดยการรับไตรสรณาคมน์ พระราหุลจึงเป็นสามเณร องค์แรกในพระศาสนา เมื่อได้บรรพชาแล้ว พระราหุลก็มีความใคร่ต่อการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง จนได้รับยกย่องจากพระบรมศาสดาว่า เป็นผู้เลิศในทางใฝ่การศึกษา
เมื่อพระราหุลมีพระชนมายุได้ยี่สิบพรรษา ก็ได้รับการอุปสมบท เป็นพระภิกษุ ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาพิจารณา รูปกัมมัฏฐานให้เห็นเป็นอนัตตา ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล และได้เสด็จไปดับขันธปรินิพพานในดาวดึงส์
พระพุทธเจ้าเสด็จมาพยาบาลพระติสสะ
พระติสสะเป็นชาวเมืองสาวัตถี ได้สดับพระธรรมเทศนา ของพระบรมศาสดา แล้วเกิดศรัทธา ขอบรรพชาอุปสมบท ต่อมาท่านเกิดอาพาธด้วยโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง มีแผลแตกเปรอะไปทั่วร่างกาย ท่านจึงได้รับสมญา นามใหม่ว่า พระติสสะเถระตัวเน่า แม้แต่ศิษย์ของท่านเองก็พากันหลีกหนีไปหมด
พระบรมศาสดาทราบเรื่อง จึงได้เสด็จไปยังเรือนไฟ ทรงล้างหม้อ ก่อไฟ ใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟ แล้วจึงเสด็จไปยังที่พำนักของพระติสสะ ทรงจับที่ปลายเตียง พวกภิกษุเห็นเข้าจึงช่วยกันหามเตียงพระติสสะมายังเรือนไฟ พระพุทธองค์มีรับสั่งให้นำรางมา แล้วทรงเทน้ำร้อนลงไป รับสั่งให้ภิกษุช่วยกันซักจีวรให้ท่านแล้วให้ผึ่งแดดไว้ จากนั้นช่วยกันทำความสะอาดร่างกายของท่านด้วยน้ำอุ่น เมื่อจีวรแห้งก็ผลัดผ้า นำสบงไปซัก เมื่อท่านได้นุ่งสบงจีวรใหม่ ร่างกายและจิตใจก็ชื่นบาน นอนรอรับกระแสพระธรรมเทศนาอยู่
พระบรมศาสดาประทับยืนอยู่เบื้องศรีษะ ครั้นแล้วได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนา เมื่อท่านได้สลับและ พิจารณาไปตามกระแสพระธรรม พอพระผู้มีพระภาคเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาจบ พระติสสะก็บรรลุพระอรหันต์ แล้วได้ปรินิพพานด้วยโรคนั้นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งให้ฌาปนกิจศพของท่าน และให้สร้างเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุของท่านไว้
หน้าแรก................................................หน้าที่แล้ว................................................หน้าถัดไป
No comments:
Post a Comment