ปางพระพุทธรูป คือ ลักษณะของรูปสมมุติของพระพุทธเจ้าในอิริยาบถ (ท่าทาง) ต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นตามความเชื่อในพุทธประวัติ โดยช่างสมัยโยนกใน(คันธารราฐ)(ศิลปแบบคันธาระ) ราชวงศ์คุปตะ (พ.ศ. 863-1023)(เป็นชาวกรีก)เป็นพวกแรกที่กำหนดรูปแบบปางพระพุทธรูป ต่อมาช่างชาวอินเดียฝ่ายใต้ (ชาวกลิงคราฐข้างฝ่ายใต้) รวมทั้งในยุคสมัยต่างๆในภายหลัง ได้คิดปางพระพุทธรูปเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
ในระยะแรกหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนิกชนก็ได้นำเอา ดิน น้ำ และใบโพธิ์จากสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง คือ สถานที่ประสูติ (ลุมพินีวัน) ตรัสรู้ (พุทธคยา) ปฐมเทศนา (พาราณสี) และ ปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาไว้เพื่อบูชาคุณพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมามีการสร้างรูปอื่นที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณ เช่น ทำดวงตราสัญลักษณ์ประจำสถานที่ต่างๆ ขึ้น ด้วยดินเผาหรือแผ่นเงิน เช่นที่เมืองกบิลพัสดุ์สร้างตราดอกบัว หมายถึงมีสิ่งบริสุทธิ์เกิดขึ้น และตราม้า หมายถึงม้ากัณฐกะ ที่เมืองพาราณสีสร้างตราธรรมจักร มีรูปกวางหมอบอันหมายถึงการแสดงธรรมจักร และพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างเสาหินอโศกไว้ในสถานที่ประสูติ เป็นต้น
ส่วนการสร้างพระพุทธรูปมีประวัติความเป็นมาดังนี้ คือ ตามตำนานพุทธประวิติกล่าวว่า ในสมัยพุทธกาล พระเจ้าปเสนธิโกศลแห่งแคว้นโกศล ได้โปรดให้ช่างจำหลักพระรูปเหมือนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นจากไม้แก่นจันทร์ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธองค์ที่เสด็จไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้น ดาวดึงส์เพื่อโปรดพุทธมารดา นับเป็นการสร้างพระพุทธรูปเป็นครั้งแรก แต่ตำนานพระแก่นจันทร์นี้ บางท่านกล่าวว่าเป็นเพียงตำนานที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้อย่าง ชัดเจน (บางตำรากล่าวว่า ตามพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้ทำลายเสีย)
ถ้าไม่นับพระแก่นจันทร์ก็สันนิษฐานกันว่า พระพุทธรูปนั้น เริ่มสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ ๗ ตั้งแต่สมัยคันธารราฐ ซึ่งเป็นแคว้นที่อยู่ทางตอนเหนือ ของอินเดียโบราณ (ปัจจุบันอยู่ในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน และตะวันออกของอัฟกานีสถาน) ผู้ริเริ่มสร้างไม่ใช่ชาวอินเดียแต่เป็นพวกโยนก (กรีก) สันนิษฐานว่าเริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าเมนันเดอร์หรือพระเจ้ามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายกรีกแห่งแคว้นคันธาระ หรือคันธาราฐ
เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชนำพระพุทธศาสนาเข้าไปเผยแผ่ในคันธาราฐ พวกโยนกยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา พระเจ้ามิลินท์มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก แสดงองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจิริญรุ่งเรือง แต่เดิมนั้นพระพุทธศาสนาไม่มีรูปเคารพแต่อย่างใด เพราะในสมัยอินเดียในสมัยนั้นมีข้อห้ามในการทำรูปเคารพ แต่เคยนับถือศาสนเทวนิยม และจำหลักรูปเคารพของเทพเจ้ากลุ่มโอลิมปัสมาก่อน เช่น รูปอพอลโลและซีอุส เมื่อเปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา ก็เลยจำหลักศิลารูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นเคารพบูชาเป็นครั้งแรก
ลำดับยุคสมัยของการเกิดปางพระพุทธรูป
* สมัยคันธาระ (กรีก) มีอยู่ 9 ปาง ด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางปฐมเทศนา ปางอุ้มบาตร ปางประทานพร ปางประทานอภัย ปางลีลา ปางมหาปาฏิหาริย์ และปางปรินิพพาน
* อินเดียใต้ เมืองมธุร และอมราวดี (อินเดีย) มีอยู่ 7 ปางด้วยกัน คือ ปางตรัสรู้ ปางเทศนา ปางทรมานพญาวานร ปางทรมานช้างนาฬาคีรี ปางลีลา ปางมหาปาฏิหาริย์ และปางปรินิพพาน
* ลังกา มีอยู่ 5 ปางด้วยกัน คือ ปางสมาธิ ปางรำพึง ปางลีลา ปางประทานอภัย และปางปรินิพพาน
* สมัยทวาราวดี มีอยู่ 10 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางเทศนา ปางลีลา ปางประทานอภัย ปางประทานพร ปางมหาปาฏิหาริย์ ปางบรรทม ปางโปรดสัตว์ และปางปรินิพพาน
* สมัยศรีวิชัย มีอยู่ 6 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางนาคปรก ปางลีลา ปางประทานอภัย และปางปรินิพพาน
* สมัยลพบุรี มีอยู่ 7 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางนาคปรก ปางลีลา ปางประทานพร ปางประทานอภัย และปางปรินิพพาน
* สมัยเชียงแสน มีอยู่ 10 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางถวายเนตร ปางอุ้มบาตร ปางลีลา ปางเปิดโลก ปางประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ปางประทับนั่งห้อยพระบาท ปางประทับยืน และปางไสยา
* สมัยสุโขทัย มีอยู่ 8 ปาง ด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางถวายเนตร ปางประทับยืน ปางประทานพร ปางประทานอภัย ปางลีลา และปางไสยา
* สมัยอยุธยา มีอยู่ 7 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางประทับยืน ปางลีลา ปางป่าเลไลยก์ ปางประทานอภัย และปางไสยา
* สมัยรัตนโกสินทร์ มีอยู่ 5 ปางด้วยกัน คือ ปางมารวิชัย ปางสมาธิ ปางประทานอภัย ปางขอฝน และปางไสยา
ปางต่างๆ ของพระพุทธรูป
ที่มา : ธรรมะไทย และ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
No comments:
Post a Comment