2009-05-24

พระเรวตพุทธเจ้า

หลังจากศาสนาของพระสุมนะพุทธเจ้าล่วงไป จึงได้ถึงสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเรวตะพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นในอันตรกัปถัดมาซึ่งเป็นสารมัณฑกัปเดียวกัน

พระประวัติ พระเรวตพุทธเจ้า
พระเรวตะพุทธเจ้า ทรงประสูติเป็นพระเรวตะราชกุมาร ในราชวงศ์กษัตริย์แห่งสุธัญญวดีนคร พระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าวิปุลราช และพระราชมารดาทรงพระนามว่าพระนางวิปุลาเทวี เรวตะราชกุมารทรงเกษมสำราญอยู่ ๖,๐๐๐ ปี ในปราสาท ๓ หลัง ชื่อ สุทัสสนะ รตนัคฆิ และอาเวฬะ ทรงมีพระมเหสีพระนามว่า สุทัสสนาเทวี และทรงมีสนมนารีแวดล้อมอีก ๓๓,๐๐๐ นาง วันหนึ่ง พระมหาบุรุษทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้งสี่ พระองค์จึงมีพระทัยน้อมไปทางบรรพชา เมื่อพระนางสุทัสสนาเทวีประสูติพระโอรส พระนามว่า วรุณกุมาร จึงได้เสด็จออกบวชด้วยราชรถเทียมม้า โดยมีบุรุษ ๑ โกฏิออกบวชตาม

เรวตะราชกุมารทรงบำเพ็ญความเพียรอยู่ ณ อโนมนิคม เป็นเวลา ๗ เดือน จนถึงวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางสาธุเทวี และรับหญ้า ๘ กำจากอาชีวกผู้หนึ่ง ปูลาดใต้ต้นนาคะ (ต้นกากะทิง) เป็นโพธิบัลลังก์ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในคืนนั้น พระเรวตะพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา แก่พระภิกษุผู้บรรพชาตามจำนวน ๑ โกฏิ ที่วิหารวรุณาราม ทำให้พระภิกษุ ๑ โกฏินั้น สำเร็จเป็นพระอริยบุคล

ธรรมาภิสมัยในพุทธกาลของพระเรวตะพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ๓ วาระ คือ

วาระที่ ๑ แสดงปฐมเทศนา ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดาจำนวนเกินที่นับได้
วาระที่ ๒ แสดงธรรมแก่พระเจ้าอรินทมะ ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑,๐๐๐ โกฏิ
วาระที่ ๓ แสดงอานิสงส์แห่งนิโรธสมาบัติ ธรรมาภิสมัยบังเกิดแก่มนุษย์และเทวดา ๑๐๐ โกฏิ

พระเรวตะพุทธเจ้า ทรงประชุมสาวกสันนิบาต ๓ ครั้ง

ครั้งที่ ๑ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวกจำนวนเกินที่จะนับได้
ครั้งที่ ๒ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ครั้งที่ ๓ ทรงแสดงปาฏิโมกข์แก่พระสงฆ์สาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ ที่เข้าไปทูลถามอาพาธของพระวรุณเถระอัครสาวก

พระเรวตะพุทธเจ้าทรงมีพระสาวกองค์สำคัญ คือ

พระอัครสาวก คือ พระวรุณเถระ และพระพรหมเทวะเถระ
พระอัครสาวิกา คือ พระภัททาเถรี และพระสุภัททาเถรี
พระอุปัฏฐาก คือ พระสัมภวะเถระ

พระเรวตะพุทธเจ้าทรงมีพระวรกายสูง ๘๐ ศอก มีพระรัศมีแผ่ไปหนึ่งโยชน์โดยรอบ เมื่อพระชนมายุได้ ๖๐,๐๐๐ ปี จึงปรินิพพานที่พระราชอุทยานมหานาควัน พระศาสนาดำรงอยู่ได้ ๖๐,๐๐๐ ปีแล้วอันตรธานไป

ความเกี่ยวข้องกับพระพุทธโคดม

ในสมัยของพระองค์นั้น พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ มีนามว่า อติเทวมาณพ ศึกษาไตรเวทศาสตร์จนจบ วันหนึ่ง ได้มีโอกาศได้ฟังพระธรรมเทศนา แสดงคุณแห่งปหานการละกิเลส จากพระโอษฐ์ของสมเด็จพระเรวตะสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วมีจิตเลื่อมใสศรัทธาเป็นหนักหนา ยกมื่อไหว้เหนือหน้าผากถึงไตรสรณคมน์ พลางเปลื้องผ้าห่มสีสวยสดที่มีค่ามาก ออกทำสักการะบูชาพระสัทธรรมเทศนา

ในกาลนั้นพระเรวตะพุทธเจ้าทรงได้พุทธพยากรณ์ว่า

"อติเทวมาณพผู้นี้ นานไปในอนาคตจักได้ตรัสเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์หนึ่ง นามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ในภัทรกัป อันจะมี ณ ที่สุดแห่ง 2 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป"

เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์ดังนั้น ก็มีจิตใจปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพียรสร้างบารมี ครั้นสิ้นอายุ ก็ไปจุติในสุคติภูมิ แล้วเวียนเกิดตายเรื่อยมา

สรุปสาระสำคัญ พระเรวตพุทธเจ้า

ฉายา : ผู้เพิ่มพูนความยินดี
ความสูง : ๘๐ ศอก
รัศมี : แผ่ซ่านออกไปเหลือประมาณ
บำเพ็ญบารมี :๑๖ อสงไขยแสนกัป
วรรณะ : กษัตริย์
พุทธบิดา: พระเจ้าวิปุล
พุทธมารดา: พระนางเจ้าวิปุลาเทวี
พระนคร : สุธัญญวดี
ใช้ชีวิตฆราวาส : ๖,๐๐๐ ปี
มเหสี สุทัสนา
บุตร วรุณ
ยานพาหานะที่ใช้ออกบวช : ทรงราชรถออกบวช
ระยะเวลาการทำความเพียร : ๗ เดือน จึงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ต้นไม้ตรัสรู้ : ที่โคนต้นนาคะ
อายุขัย : ๖๐,๐๐๐ปี จึงปรินิพพานที่เมืองหลวงสุธัญญวดี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี และ board.palungjit.com

No comments:

ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในเว็บไซด์ที่เป็นของ Andaman Amulet ไม่สงวนสิทธิ์ สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้
ข้อความและรูปภาพบางส่วน นำมาจากเว็บไซด์หลายแห่ง ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ติดต่อผู้จัดทำได้ที่ E-mail : skarnwigit@gmail.com


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ผู้ขอมักเป็นที่รังเกียจ