พระนาคิตเถระ รูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์ ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ ดังนี้
บุรพกรรมในสมัยพระปทุมุตรพุทธเจ้า
ในกัปที่แสนนับถอยแต่ภัทรกัปนี้ไป ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ พระนาคิตเถระนี้ ถือกำเนิดเป็นพราหมณ์มีชื่อว่า นารทะ วันหนึ่งอยู่ในโรง เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมแล้วเสด็จไป ก็มีใจเลื่อมใส ได้กล่าวสรรเสริญพระผู้มีพระภาคด้วยคาถา ๓ คาถา.
เรานั่งอยู่ในโรงอันกว้างใหญ่ ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้เป็นนายกของโลก ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว ผู้บรรลุพลธรรม แวดล้อมด้วยภิกษุสงฆ์ประมาณหนึ่งแสน ผู้บรรลุวิชชา ๓ ได้อภิญญา ๖ มีฤทธิ์มาก แวดล้อมพระพุทธเจ้า ใครเล่าเห็นแล้วจะไม่เลื่อมใส
ในมนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลก ไม่มีอะไรเปรียบ ในพระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ใครได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้มีพระญาณไม่สิ้นสุดแล้ว จะไม่เลื่อมใสเล่า
ชนทั้งหลายไม่สามารถเพื่อกำจัดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ผู้ทรงแสดงธรรมกาย และผู้เป็นบ่อเกิดแห่งพระรัตนตรัยอย่างเดียวได้
พราหมณ์นามว่า นารทะ ผู้มีใจภักดี ชมเชยพระสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ ผู้ไม่พ่ายแพ้ ด้วยคาถาทั้ง ๓ เหล่านี้ ด้วยจิตที่เลื่อมใสและด้วยการกล่าวชมเชยพระสัมพุทธเจ้านั้น พราหมณ์นั้นไม่เข้าถึงทุคติตลอดแสนกัป
ในกัปที่ ๓,๐๐๐ แต่ภัทรกัปนี้ ท่านก็ได้เกิดมาเป็นพระเจ้าจักรพรรดิจอมกษัตริย์ พระนามว่าสุมิตตะ สมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก
กำเนิดเป็นนาคิตะในสมัยพระสมณโคดมพุทธเจ้า
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาบังเกิดในเทวโลก กระทำบุญแล้วท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิดในตระกูลแห่งเจ้าศากยะในพระนครกบิลพัสดุ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้มีนามว่า นาคิตะ ท่านมีหลานชายคนหนึ่งชื่อว่า สีหะ ซึ่งได้บวชเป็นสามเณรในกาลที่มีอายุได้เจ็ดขวบ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม เขตพระนครกบิลพัสดุ์ ในสักกชนบท ท่านฟังมธุปิณฑิกสูตร ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงต่อ เจ้าทัณฑปาณิศากยะ ซึ่งมิได้มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธองค์ เนื่องจากเป็นพวกเดียวกับพระเทวทัต แต่ได้พบพระพุทธเจ้าโดยบังเอิญเมื่อเจ้าศากยะนั้นเดินเล่นอยู่ในป่านั้น ครั้นท่านได้ฟังมธุปิณฑิกสูตรแล้วก็เกิดศรัทธา จึงได้ออกบวช เจริญวิปัสสนา จนกระทั่งบรรลุพระอรหัต
พระเถระเคยเป็นพุทธอุปัฏฐากสมัยต้นพุทธกาล
ในครั้งปฐมโพธิกาล ใน ๒๐ พรรษาแรกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในสมัยนั้นพระอานนทเถระ ยังไม่ได้เป็นผู้อุปัฏฐากของพระผู้มีพระภาคเจ้า ภิกษุที่ได้ชื่อว่าผู้อุปัฏฐากประจำของพระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่มี บางคราวพระนาคสมาลเถระอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า บางคราว พระเมฆิยเถระ บางคราวพระอุปวาณเถระ บางคราวพระสาคตเถระ บางคราวพระเถระผู้เป็นโอรสของเจ้าลิจฉวี ชื่อสุนักขัตตะ อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า บางคราวก็เป็นพระนาคิตเถระ
ในการอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้าของพระเถระนั้น อรรถกถากล่าวว่า โดยที่ท่านพระเถระมีร่างอ้วน ในการที่จะลุก หรือนั่งเป็นต้นก็อุ้ยอ้ายอืดอาด เพราะพระเถระมีร่างกายหนักจึงดูราวกะว่า ไม่ค่อยจะเคลื่อนไหวได้ การอุปัฏฐากพระบรมศาสดานั้นก็ไม่คล่องตัว ในบางครั้งหลานชายของท่านที่เป็นสามเณรชื่อว่า สีหะ ซึ่งเป็นผู้ขยันหมั่นเพียรในพระศาสนา ได้กระทำการอุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเองแทนท่าน
เรื่องของพระนาคิตเถระในพระบาลีและในอรรถกถาทั้งสิ้นก็มีเพียงเท่าที่กล่าวมานี้
ที่มา : dharma-gateway.com
No comments:
Post a Comment