2009-01-11

พระสกุลาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้มีทิพยจักษุ

พระสกุลาเถรี เกิดในตระกูลพราหมณ์ ผู้มีฐานะอยู่ในขั้นมหาเศรษฐี บิดามารดาตั้งชื่อว่า “สกุลา” เป็นผู้มีจิตศรัทธาน้อมไปในการบรรพชาอันเป็นผลมาจากบุญกุศลเก่าในอดีตชาติอยู่แล้ว

* ออกบวชเพราะเบื่อโลก
ครั้นเมื่อ พระบรมศาสดา เสด็จเที่ยวจาริกเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ไปตามคามนิคมน้อยใหญ่ต่าง ๆ ยังหมู่สัตว์ทั้งหลายให้บรรลุมรรคผล ตามอุปนิสัยอำนาจวาสนาบารมีของแต่ละคนเสด็จมายังพระนครสาวัตถี ประทับ ณ พระมหาวิหารเชตวันที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย นางได้เห็นพระบรมศาสดาผู้สมบูรณ์ด้วยมหาปุริสลักษณะ เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองสาวัตถี แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส ได้แสดงตนเป็นอุบาสิกา ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ต่อมาภายหลัง ได้ฟังธรรมในสำนักของพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้วเกิดความสลดใจในโลกสันนิวาส จึงได้ออกบรรพชาในสักของภิกษุณี อุตส่าห์บำเพ็ญเพียรเจริญวิปัสสนาไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมทั้งวิชชา ๓ และอภิญญา ๖

* ได้รับการยกย่องเป็นเลิศทางทิพยจักษุ
พระสกุลาเถรี เมื่อได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ทั้งหลาย มีทิพพจักขุญาณ ทิพพโสตญาณ และบุพเพนิวาสานุสสติญาณ เป็นต้น ทั้งนี้ ก็ด้วยอานิสงส์จากอดีตชาติ ครั้งพระศาสนาพระพุทธเจ้านามว่า กัสสปะ นางได้บวชเป็นปริพาชิกา คือ นักบวชนอกพระพุทธศาสนา นางได้จุดประทีบโคมไฟถวายบูชาพระเจดีย์ของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยศรัทธาเลื่อมใส จึงเป็นผลส่งให้นางมีความชำนาญใน ทิพพจักขุญาณ สามารถมองทะลุฝา ทะลุกำแพง และภูเขาได้ตามความปรารถนา

ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคจึงทรงประกาศยกย่องพระสกุลาเถรีนี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้มีทิพยจักษุ

* วิชชา ความรู้แจ้ง ความรู้วิเศษ มี ๓ คือ
๑. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ความรู้ที่ให้ระลึกชาติได้
๒. จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติเกิดของสัตว์ทั้งหลาย
๓. อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น

No comments:

ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในเว็บไซด์ที่เป็นของ Andaman Amulet ไม่สงวนสิทธิ์ สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้
ข้อความและรูปภาพบางส่วน นำมาจากเว็บไซด์หลายแห่ง ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ติดต่อผู้จัดทำได้ที่ E-mail : skarnwigit@gmail.com


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ผู้ขอมักเป็นที่รังเกียจ