พระกุณฑธาน เกิดในตระกูลพราหมณ์ ในเมือง สาวัตถี มีชื่อว่า “ธานะ” ศึกษาศิลปะวิทยาจบไตรเพทตามลัทธิพราหมณ์ ท่านครองชีวิตฆราวาสอยู่จนย่างเข้าสู่วัยชรา วันหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาทรงประทานการอุปสมบทให้ตามประสงค์
* มีหญิงสาวตามทุกย่างก้าว
เมื่อท่านได้อุปสมบทแล้วปรากฏว่าไม่ว่าท่านจะอยู่ในกุฏิที่พักของตน หรือไปในที่อื่น ๆ แม้แต่เวลาที่ท่านออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านก็ตามที จะมีหญิงสาวรูปร่างสวยงามเดินตามเป็นเงา ตามตัวท่านอยู่ตลอดเวลา สำหรับท่านเองนั้นมองไม่เห็น แต่คนอื่น ๆ ทั่วไปจะเห็นกันอย่างชัดเจน เมื่อท่านเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ประชาชนที่ใส่บาตรก็จะพากันพูดว่า “ส่วนนี้เป็นของท่าน อีกส่วนหนึ่งนี้เป็นของหญิงสหายที่ติดตามท่าน” เวลาที่ท่านอยู่ในวัดก็จะถูกเพื่อนสหายธรรมิกพูดจาเสียดสีท่านว่า “คนกุณฑะ” ซึ่งหมายถึงคนชั่วช้า ดังนั้น ท่านจึงได้ชื่อว่า “กุณฑธานะ"
พระกุณฑธานะ ตัวท่านเองไม่เห็น และไม่ทราบเลยว่ามีหญิงสาวติดตามท่านอยู่เสมอ เมื่อท่านได้ฟังประชาชนที่ใส่บาตรพูดกันว่า “ส่วนนี้เป็นของท่าน อีกส่วนหนึ่งนี้เป็นของหญิงสหายที่ติดตามท่าน” และการที่เพื่อน ๆ สหธรรมิกพูดจาเสียดสีว่าท่านเป็นคนชั่วช้านั้น ทำให้ ท่านเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ ท่านจึงพูดโต้ตอบขึ้นด้วยถ้อยคำรุนแรง จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน พระบรมศาสดาทรงทราบความรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าแล้วตรัสเตือนท่านว่า
“ดูก่อนธานะ กรรมเก่าของเธอยังชดใช้ไม่หมดไฉนเธอจึงสร้างกรรมใหม่อีก”
จากนั้นพระพุทธองค์ได้ตรัสเล่ากรรมเก่าในอดีตให้ท่านฟัง กรรมเก่าของท่านในอดีตกาล ครั้งที่พระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านธานะเกิดเป็นภุมเทวดา (เทวดาที่สิงสถิตตามภาคพื้นดิน) เห็นพระภิกษุ ๒ รูป มีความรักใคร่และสามัคคีกันอย่างมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหน ๆ ทั้งสองมักจะไปด้วยกันเสมอ จึงคิดที่จะทดลองใจท่านทั้งสองดูว่า จะชอบพอกันมั่นคงเพียงไหน มีอะไรที่จะทำให้ท่านแตกแยกกันได้หรือไม่ เทวดาจึงรอโอกาสอยู่จนถึงวันอุโบสถวันหนึ่ง เห็นท่านทั้งสองเดินทางมาเพื่อร่วมทำอุโบสถสังฆกรรม ณ อารามแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางพระรูปหนึ่งขอโอกาสเข้าไปถ่ายอุจจาระในป่าข้างทาง ส่วนอีกรูปหนึ่งรอคอยอยู่ข้างนอก ภุมเทวดาเห็นเป็นโอกาสดี เมื่อพระรูปที่เข้าไปถ่ายอุจจาระในป่าเดินกลับออกมา จึงแปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยเดินตามหลังท่านออกมาจากป่าด้วย พร้อมกับแสดงกิริยาอาการ เหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการสำเร็จกามกิจกับท่านมา มีการจัดผ้านุ่งและจัดผม เป็นต้น ส่วนตัวพระรูปนั้นไม่รู้ไม่เห็นเลย แต่เพื่อพระรูปที่ยืนรอคอยอยู่นั้นมองเห็นชัดเจน เมื่อท่านออกมาจากป่า จึงถูกพระเพื่อนรูปนั้นต่อว่าและกล่าวโทษตามที่ตนเห็นนั้น จึงเกิดการโต้เถียงกันรุนแรงขึ้น และเรื่องก็รุกรามไปถึงหมู่ภิกษุทั้งหลาย ซึ่งต่างก็พากันรังเกียจภิกษุรูปนั้น ไม่ยอมร่วมทำอุโบสถสังฆกรรมด้วย ทำให้ท่านเกิดความทุกข์ร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
ภุมเทวดาผู้เป็นต้นเหตุนั้น เห็นเหตุการณ์รุกรามไปอย่างนั้น รู้สึกสำนึกผิด จึงเข้าไปแจ้งความจริง แก่ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจึงได้ร่วมทำอุโบสถสังฆกรรมกันได้ แต่ความรักและความสนิทสนม ระหว่างเพื่อนภิกษุทั้งสองรูปนั้น ไม่เป็นไปตามเดิม ต่างแยกกันอยู่แยกกันเดินทางแยกกันปฏิบัติกิจ ปฏิบัติธรรมจนสิ้นอายุขัย
ภุมเทวดา จุติจากชาตินั้นแล้วไปเกิดในเวจีมหานรก เสวยผลกรรมนั้น อย่างแสนสาหัส จนถึงสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันนี้ จึงพ้นจากนรกนั้นแล้วมาเกิดเป็นบุตรพราหมณ์ ในเมืองสาวัตถี มีชื่อว่า ธานะ ด้วยเศษแห่งผลกรรมของท่านนั้น เมื่อท่านบวชแล้วจึงมีรูปหญิงสาวติดตามท่านเป็นเงาตามตัวอยู่เสมอ
* พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จพิสูจน์ความจริง
เรื่องราวของท่านนั้นทราบไปถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล ผู้เป็นองค์พุทธศาสนูปถัมภ์ ทรงมีพระดำริที่จะกำจัดมลทินพุทธศาสนาให้สิ้นไป จึงเสด็จไปยังที่อยู่ของพระธานเถระ ขณะนั้น พระธานเถระอยู่ในห้อง เมื่อทราบว่าพระราชาเสด็จมาจึงออกไปรับเสด็จข้างนอก ภาพที่พระเจ้าปเสนทิโกศได้ทอดพระเนตรเห็น ก็คือภาพหญิงสาวยืนอยู่ข้างหลัง พระธานเถระสมจริงดังข่าวลือ จึงเสด็จเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อทอดพระเนตรให้เห็นชัด แต่ภาพนั้นกลับหายไป จึงขออนุญาตท่านเข้าไปตรวจดูภายในห้อง ทรงตรวจดูด้วยพระองค์เองอย่างละเอียด แต่ก็ไม่พบหญิงสาวคนนั้น จึงเสด็จออกมาข้างนอก ประทับยืนที่เดิม ก็ทอดพระเนตรเห็นภาพหญิงสาวนั้นเหมือนเดิมอีก พระองค์ทรงทดลองเสด็จพระดำเนินเข้า ๆ ออก ๆ หลายครั้ง จนแน่พระทัยว่า รูปหญิงสาวนั้นไม่ใช่ของจริง คงเป็นรูปที่เกิดขึ้นจากกรรมเก่าของท่านเอง ทรงแน่พระทัยว่ามิใช่ความประพฤติผิดลามกอย่างที่เป็นข่าวลือกัน ทรงพระดำริว่า “พระเถระคงจะลำบากด้วยอาหารบิณฑบาตอันเนื่องจากประชาชนรังเกียจท่าน” จึงกราบนมัสการนิมนต์ ให้ท่านเข้าไปบิณฑบาตในพระราชวังทุกวัน ทรงให้ความอุปถัมภ์บำรุงท่านด้วยปัจจัย ๔ มิให้ท่านต้องวิตกกังวลใด ๆ อีกต่อไป
* สุขภาพกายดี จิตก็ดีด้วย
พระกุณฑธานเถระ ตั้งแต่นั้นมา ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพราะได้รับอาหารที่ดี สุขภาพจิตก็ดีขึ้น เพราะไม่มีคำพูดเสียดสี ต่อว่า เยาะเย้ยเป็นต้น ท่านจึงมีโอกาสบำเพ็ญวิปัสสนา กรรมฐานอย่างเคร่งครัด ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตผล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รูปหญิงสาวก็หายไป ไม่ปรากฏอีกเลย
ต่อมา ได้มีมหาอุบาสิกานามว่าสุภัททา กราบอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป ไปสู่อุคคนคร เมื่อถึงเวลาแจกภัตตาหาร พระอานนท์เถระรับหน้าที่แจกสลากแก่ภิกษุสงฆ์ ขณะนั้นท่านพระกุณฑธานเถระ ได้แสดงอภินิหารเหาะขึ้นไปบนอากาศบันลือสีหนาท แล้วขอจับสลากก่อน ซึ่งพระอานนท์เถระก็ให้ท่านจับก่อนตามประสงค์ แม้ในการแจกภัตรด้วยสลากครั้งอื่น ๆ ท่านก็จะนับถือสีหนาท และขอจับสลากเป็นท่านแรกทุกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง
ท่านดำรงอายุสังขาร ช่วยเหลือกิจการพระศาสนาสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน
No comments:
Post a Comment