2008-12-20

พิธีมีพระธรรมเทศนา

พิธีมีพระธรรมเทศนา

การจัดให้มีพระธรรมเทศนา หรือที่เรียกกันว่า มีเทศน์ คือการแสดงธรรมฟังกันในที่ประชุมตามโอกาสอันควร นับเป็นบุญพิธีที่นิยมสำคัญประการหนึ่ง ส่วนมากนิยมผนวกเข้าในการทำบุญต่าง ๆ ทั้งงานมงคล และงานอวมงคล แม้ไม่ต้องมีงานบุญอะไรก็นิยมจัดให้มีขึ้นตามโอกาสอันควร เช่นจัดให้มีในวัดหรือตามศาลาโรงธรรมประจำในวันธรรมสวนะ และวันอุโบสถ เป็นต้น การมีพระธรรมเทศนาเป็นประเพณีนิยม ของพระพุทธศาสนามาแต่ครั้งพุทธกาลถือกันว่า พระพุทธศาสนาจะตั้งอยู่ได้ยั่งยืน ก็ด้วยมีการประกาศเผยแผ่พระพุทธธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันมีพระธรรมเทศนาสองอย่างคือ เทศน์ธรรมดาโดยผู้เทศน์แสดงรูปเดียวอย่างหนึ่ง เทศน์ปุจฉา วิสัชนา โดยมีผู้เทศน์ตั้งแต่สองรูปขึ้นไป แสดงร่วมกันเป็นธรรมสากัจฉาอีกอย่างหนึ่ง

การมีเทศน์นิยมทำกันสี่ลักษณะ คือ

การมีเทศน์ในงานบุญ สำหรับงานมงคลส่วนใหญ่ นิยมจัดให้มีกันเฉพาะงานเกี่ยวด้วยการฉลองเป็นพื้น นิยมทำเป็นรายการสุดท้ายของงานทำบุญ ถ้าเป็นเทศน์ธรรมดามีได้ท้ายรายการ ทั้งก่อนเพล และหลังเพล เพราะเทศน์ธรรมดาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเทศน์ปุจฉา วิสัชนา นิยมมีตอนหลังเพล เพราะเทศน์หลายธรรมาสน์ ใช้เวลาตั้งแต่สองชั่วโมงขึ้นไป ส่วนงานอวมงคล นิยมมีเทศน์ผนวกงานได้ทุกกรณี ทั้งชนิดเทศน์ธรรมดา และเทศน์ปุจฉา วิสัชนา มีระเบียบพิธีดังนี้

๑) ฝ่ายเจ้าภาพ อาราธนาพระผู้แสดง แจ้งความประสงค์ว่า จะให้แสดงเรื่องอะไร นิยมทำเป็นหนังสืออาราธนาแบบเดียวกับอาราธนาพระเจริญพระพุทธมนต์ ในวันงานเมื่อการตั้งธรรมาสน์และการอื่น ๆ พร้อมแล้ว เจ้าภาพจุดเทียนใหญ่แล้วนำไปตั้งบนธรรมาสน์ หรือจุดเทียนประจำธรรมาสน์ เป็นสัญญาณเริ่มมีเทศน์ เมื่อพระขึ้นธรรมาสน์เรียบร้อยแล้ว ถ้าเทศน์มีต่อจากพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ หรือสวดมนต์เย็น ต่อเนื่องกัน และการอาราธนาศีลก่อนเริ่มบุญพิธี ได้มีมาแล้วก็ไม่ต้องอาราธนาศีลก่อนเทศน์ เริ่มต้นด้วยอุบาสกอาราธนาธรรม และเริ่มแสดงธรรมเลย แต่ถ้ามีเทศน์ต่อเลี้ยงพระ การมีเทศน์ต่อถือว่าเป็นบุญพิธีตอนใหม่ ให้เริ่มต้นด้วยอุบาสกอาราธนาศีล พระให้ศีลและรับศีล จบแล้วอาราธนาธรรมแล้วจึงเริ่มแสดงธรรม เมื่อจบการแสดงธรรม ถ้ามีสวดธรรมคาถาต่อท้ายในงานศพ เจ้าภาพต้องจุดธูปเทียนบูชาหน้าพระสวดด้วย สวดจบแล้วถวายไทยธรรม พระอนุโมทนาและกรวดน้ำเป็นอันเสร็จพิธีฝ่ายเจ้าภาพ

๒) ฝ่ายพระผู้เทศน์ เมื่อรับอาราธนาแล้ว พึงเตรียมและจัดการตามสมควร เมื่อถึงวันแสดง จะต้องเตรียมคัมภีร์ใบลาน ห่อผ้าสำหรับห่อ หรือใส่ตู้คัมภีร์กับพัดสำหรับให้ศีลและอนุโมทนาไว้ให้พร้อม เมื่อไปถึงบริเวณงาน มีธรรมเนียมพิธีโบราณอย่างหนึ่งว่า ศิษย์ผู้ติดตามจะต้องแบกคัมภีร์พาดบ่าซ้าย ประคองคัมภีร์ด้านล่างด้วยมือซ้ายอย่างท่าแบกอาวุธของทหาร มือขวาถือพัดตั้งทาบกับตัว ห้อยมือลง เดินนำหน้าพระเข้าสู่บริเวณพิธี ธรรมเนียมนี้ถือกันว่าเป็นการยกย่องพระธรรมให้อยู่หน้าพระสงฆ์ ฝ่ายเจ้าภาพต้องคอยต้อนรับ ถ้ายังไม่ถึงเวลาเทศน์ ให้วางคัมภีร์ไว้ในที่ที่สมควรก่อน หรือจะวางบนธรรมาสน์เลยก็ได้วางไว้ข้างขวาของพระผู้เทศน์ เมื่อได้เวลาเจ้าภาพจุดเทียนประจำธรรมาสน์ พระผู้เทศน์ก็ถือพัดขึ้นธรรมาสน์ วางพัดไว้ข้างซ้าย ปกตินิยมนั่งพับเพียบ แต่จะนั่งขัดสมาธิก็ได้ เมื่อเจ้าภาพกล่าวคำอาราธนาธรรมก็คลี่คัมภีร์แสดงธรรมต่อไป มีระเบียบการแสดงธรรมดังนี้
- จับคัมภีร์ใบลานขึ้นประคองระหว่างมือทั้งสองที่ประนมแค่อก แล้วบอกศักราชตามธรรมเนียม ทั้งคำบาลี และคำแปล
- พอจบคำบอกศักราช ก็ตั้ง นโม เทศน์ คงประนมมืออยู่อย่างเดิม ถ้าเทศน์อ่านคัมภีร์ให้คลี่มือแยกห่างจากกันในขณะ จะตั้ง นโม ครั้งที่สาม แล้วใช้นิ้วแม่มือทั้งสองพลิกใบลานเริ่มอ่าน นิเขปบท ให้ติดต่อกับ นโม ต่อจากนั้นก็อ่านแสดงไปจนจบ
- เทศน์จบแล้วเก็บใบลานเข้าที่เดิม แล้วตั้งพัดอนุโมทนาด้วยบท ยถา ฯลฯ บนธรรมาสน์ แต่ถ้าเป็นเทศน์งานอวมงคล มีพระสวดรับเทศน์ต่อท้ายไม่ต้องยถา บนธรรมาสน์ถือพัดลงมานั่งอาสนะข้างล่าง รออนุโมทนาเมื่อเจ้าภาพถวายไทยธรรมแล้ว พร้อมกับพระสงฆ์ที่สวดรับเทศน์ เป็นอันเสร็จพิธี
การเทศน์ปุจฉาวิสัชนา คือ เทศน์สองรูป ผู้อาวุโสให้ศีลและบอกศักราช อีกรูปหนึ่งแสดงอานิสงส์หน้าธรรมาสน์ตามธรรมเนียมแล้วสมมติหน้าที่ ต่อจากนั้นจึงเริ่มเรื่อง ปุจฉาวิสัชนากันจนจบ แล้วรูปปุจฉา หรือรูปอาวุโสสรุปท้ายเทศน์ จบแล้วอีกรูปหนึ่ง ยถา ฯลฯ สพฺพีติโย ฯลฯ เป็นอันเสร็จพิธี
ถ้าเทศน์มากกว่าสองรูป ให้ผู้เทศน์ตกลงแบ่งหน้าที่ดำเนินพิธีกันก่อนขึ้นธรรมาสน์

การมีเทศน์ตามกาลนิยม การมีเทศน์ตามกาลนิยมคือ การเทศน์ในวันธรรมสวนะ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นพิเศษ เช่น วันวิสาขบูชา วันอัฏฐมีบูชา วันมาฆบูชา และวันอาสาฬหบูชา เป็นต้น การเทศน์ตามกาลนิยมปรกติมีในวัด มีระเบียบพิธีดังนี้

๑) เมื่อถึงกำหนดเทศน์ อุบาสกจุดธูปเทียนประจำธรรมาสน์ แล้วพระผู้เทศน์ขึ้นธรรมาสน์

๒) ถ้าเป็นการเทศน์กัณฑ์เช้าที่นิยมเรียกกันว่า กัณฑ์อุโบสถ ต้องให้ศีลตามอาราธนา บอกศักราช แต่ถ้าเป็นกัณฑ์บ่าย หรือ
กัณฑ์ในเวลาอื่น ไม่มีรับศีล และไม่ต้องให้ศีล ไม่ต้องบอกศักราช เพราะถือว่าได้ทำในตอนเช้าแล้ว

๓) เมื่ออุบาสกอาราธนาธรรมเสร็จ ก็เริ่มพิธีแสดงธรรมต่อไป

๔) เมื่อเทศน์จบ ถ้าเป็นกัณฑ์อุโบสถ ไม่ต้องอนุโมทนา ถ้าเป็นกัณฑ์อื่นพึงพิจารณาดูตามควร ถ้ามีถวายไทยธรรม พึงอนุโมทนาให้เสร็จบนธรรมาสน์แล้วลง ถ้าไม่มีถวายไทยธรรมจะไม่อนุโมทนาก็ได้

การมีเทศน์พิเศษ หมายถึงเทศน์ที่จัดให้มีเป็นพิเศษนอกจากงานบุญ หรือนอกจากที่มีตามกาลนิยม เช่นเทศน์สั่งสอนประชาชน เทศน์อบรมคนเป็นหมู่คณะโดยเฉพาะ และเทศน์ไตรมาสที่มีผู้นิยมจัดตามวัด ตามบ้านหรือตามชุมชนใหญ่ เพื่อฟังกันทุกวันในระหว่างพรรษา เป็นต้น

การเทศน์มหาชาติ เทศน์มหาชาติ คือ เทศนาเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณ ส่วนมากจัดให้มีในวัดเป็นหน้าที่ของชาวบ้านและวัดนั้น ๆ จะตกลงร่วมกันจัด ปกตินิยมให้มีหลังฤดูทอดกฐิน ผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูเหมันต์ นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันเทศน์เวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กัณฑ์วันหนึ่ง และวันเทศน์จตุราริยสัจจกถา ท้ายเวสสันดรชาดกอีกวันหนึ่ง
วันแรกเริ่มงานด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระทั้งวัด หรือเลี้ยงพระตามจำนวนที่เห็นสมควร แล้วเริ่มเทศน์เวสสันดรชาดก ตามแบบเทศน์ต่อกันไปจนสุด ๑๓ กัณฑ์ ถึงเวลากลางคืนบางแห่งจัดปีพาทย์ประโคมระหว่างกัณฑ์หนึ่ง ๆ ตลอดทั้ง ๑๓ กัณฑ์ด้วย
วันรุ่งขึ้น ทำบุญเลี้ยงพระอีกแล้วมีเทศน์ จตุราริยสัจจกถาในระหว่างเพลจบแล้วเลี้ยงพระเพลเป็นอันเสร็จพิธี
ระเบียบพิธีในการเทศน์มหาชาติ ที่นิยมกันเป็นหลักใหญ่ ๆ ดังนี้

๑) ตกแต่งบริเวณพิธีให้มีบรรยากาศคล้ายอยู่ในบริเวณป่า ตามท้องเรื่องเวสสันดรชาดก โดยนำเอา ต้นกล้วย ต้นอ้อย และกิ่งไม้มาผูกตามเสา และบริเวณรอบ ๆ ธรรมาสน์ ประดับธงทิว และ ราวัติ ฉัตร ตามสมควร

๒) ตั้งขันสาครใหญ่ หรือจะใช้อ่างใหญ่ที่สมควรก็ได้ใส่น้ำสะอาดเต็ม สำหรับปักเทียนบูชาประจำกัณฑ์ ในระหว่างที่พระเทศน์ น้ำในภาชนะที่ตั้งนี้เสร็จพิธีแล้ว ถือว่าเป็นน้ำพระพุทธมนต์ที่สำคัญ ภาชนะใส่น้ำนี้ตั้งหน้าธรรมาสน์ กลางบริเวณพิธี

๓) เตรียมเทียนเล็ก ๆ จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม แล้วนับแยกจำนวนเป็นมัด มัดหนึ่งมีจำนวนเท่าคาถาของกัณฑ์หนึ่ง แล้วทำเครื่องหมายไว้ให้ทราบ ว่ามัดไหนสำหรับบูชาคาถากัณฑ์ใด เมื่อถึงคราวเทศน์กัณฑ์นั้นก็จะเอาเทียนมัดนั้นออกจุดบูชาติดรอบ ๆ ภาชนะน้ำ ต่อกันไปจนจบกัณฑ์ให้หมดมัดพอดี ครบ ๑๓ กัณฑ์ถ้วน จำนวน ๑,๐๐๐ เล่ม เท่าจำนวนคาถา บางแห่งนิยมทำธงเล็ก ๆ ๑,๐๐๐ คัน แบ่งจำนวนเท่าคาถาประจำกัณฑ์เช่นอย่างเทียน แล้วปักธงบูชาระหว่างกัณฑ์บนหยวกกล้วย แต่การใช้ธงไม่เป็นที่นิยม เช่น เทียน การจุดเทียน หรือปักธงบูชากัณฑ์ดังกล่าวเป็นหน้าที่ของเจ้าภาพผู้รับกัณฑ์นั้น ๆ
การเทศน์เวสสันดร มีวิธีเทศน์เป็นทำนองโดยเฉพาะ จะต้องได้รับการฝึกอบรมศึกษาต่อท่านผู้ทรงคุณวุฒิทางนี้เป็นพิเศษ ส่วนการเทศน์จตุราริยสัจจกถา มีระเบียบพิธีอย่างเทศน์ในงานดังกล่าวแล้วข้างต้น

ที่มา : หอมรดกไทย

No comments:

ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในเว็บไซด์ที่เป็นของ Andaman Amulet ไม่สงวนสิทธิ์ สามารถนำไปเผยแพร่ต่อได้
ข้อความและรูปภาพบางส่วน นำมาจากเว็บไซด์หลายแห่ง ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ติดต่อผู้จัดทำได้ที่ E-mail : skarnwigit@gmail.com


ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ผู้ขอมักเป็นที่รังเกียจ