พระพุทธเจ้าเมื่อเสวยวิมุติสุขอยู่ใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก)
ในสัปดาห์ที่ห้าได้เสด็จไปประทับที่ต้นอชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ในสัปดาห์ที่หก ได้มีฝนเจือลมหนาวตกพรำอยู่เจ็ดวัน พญานาคชื่อมุจลินท์ เข้ามาวงด้วยขนดเจ็ดรอบ แล้วแผ่พังพานปกพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อป้องกันลมและฝนมิให้ถูกพระกาย ครั้นฝนหายแล้ว ก็คลายขนดออกจำแลงเพศเป็นมาณพ เข้ามายืนเฝ้า ณ ที่เฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานว่า "ความสงัดเป็นความสุขสำหรับบุคคลผู้ได้สดับธรรมแล้วยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามเป็นอย่างไร ความไม่เบียดเบียนคือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากกำหนัดคือความล่วงกามทั้งหลาย เสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ ถือว่ามีตัวตนให้หมดได้ เป็นสุขอย่างยิ่ง"
ธิดาพระยามาราธิราชแสดงยั่วยวนพระพุทธองค์
เมื่อพระพุทธองค์อยู่ภายใต้ร่มไม้อชปาลนิโครธ อันตั้งทางทิศบูรพาของต้นพระศรีมหาโพธิ ในสัปดาห์ที่ห้า ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ ธิดามาร 3 คน คีอ นางตัณหา นางราคา และนางอรดี ได้อาสาพระยามารเข้าไปเฝ้า เนรมิตอัตภาพ เป็นหญิงนานาชนิด หวังให้พระองค์พอพระทัย แต่พระองค์มิได้ใฝ่พระทัยกลับทรงขับไล่ให้ออกไป อันแสดงถึงความไม่ยอมกลับมาเป็นผู้แพ้อีก เรื่องนี้พระพุทธโฆษาจารย์กล่าวไว้ในอรรถคถาธรรมบท
ตปุสสะและภัลลิกะ สองพาณิชถวายข้าวสัตตุแด่พระพุทธองค์
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ได้สี่สัปดาห์ และได้ประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ใต้ต้นเกต ซึ้งได้นามว่า ราชายตนะ ได้มีนายพานิชสองคน คือ ตปุสสะและภัลลิกะ เดินทางมาจาก อกุกลชนบท เมื่อได้เห็นพระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ ที่นั่น มีพระรัศมีผ่องใสยิ่งนักก็บังเกิดความเลื่อมใส จึงได้นำข้าวสตุก้อน สตุผง ซึ่งเป็นเสบียงเดินทางของตนเข้าไปถวาย แล้วได้อ้างถึงพระองค์และพระธรรมว่าเป็นสรณะ นายพาณิชทั้งสองนี้ได้เป็นปฐมอุบาสก ที่ถึงพระพุทธเจ้า และพระธรรม เป็นสรณะ เรียกว่า เทวาจิกะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับบาตร ที่ท้าวจตุมหาราชนำมาถวาย ซึ่งพระองค์ได้ทรงอธิษฐานให้บาตรทั้งสี่ใบเป็นใบเดียวกัน
ท้าวจตุมหาราชถวายบาตรพระพุทธองค์
เมื่อพระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว และได้ประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ใต้ต้นเกต อันมีนามว่า ราชายตนะ ซึ่งอยู่ทางทิศทักษิณของต้นพระศรีมหาโพธิ ครั้งนั้นมีนายพาณิชสองคนคือ ตปุสสะ กับภัลลิกะ ได้น้อมนำเอาข้าวสตุก้อนและสตุผง เข้าไปถวายพระองค์ และพระองค์มีพระประสงค์จะรับ แต่ขณะนั้นพระองค์ไม่มีบาตร ครั้นจะรับด้วยพระหัตถ์ ก็ผิดประเพณีของพระพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อน
ฝ่ายท้าวมหาราชทั้งสี่ คือท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักข์ ท้าวกุเวร ทราบพุทธประสงค์ จึงต่างนำบาตรศิลาองค์ละใบเข้าไปถวาย พระองค์ทรงรับบาตรจากท้าวมหาราชทั้งสี่แล้ว ทรงอธิษฐานให้รวมกันเป็นบาตรใบเดียว แล้วทรงรับข้าวสตุก้อน สตุผง ของนายพาณิชทั้งสองด้วยบาตรนั้น
หน้าแรก................................................หน้าที่แล้ว................................................หน้าถัดไป
No comments:
Post a Comment