เจ้าชายนันทะเสด็จละจากเจ้าสาวไปตามเสด็จพระพุทธเจ้า
ภายหลังวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ จากการอัญเชิญของ พระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระพุทธบิดาแล้ว เมื่อล่วงถึงวันที่สามอันเป็นวันวิวาหมงคล ของเจ้าชายนันทะ ผู้เป็นพระพุทธอนุชาต่างพระชนนี พระผู้มีพระภาคเสด็จไปรับบิณฑบาต แล้วประทานบาตรแก่เจ้าชายนันทะ ทรงอนุโมทนา แล้วเสด็จหลีกไป หาได้ทรงรับบาตรจากเจ้าชายนันทะไม่ เจ้าชายนันทะต้องตามเสด็จติดตามไป ฝ่ายเจ้าหญิงเห็นดังนั้นจึงได้เสด็จไปที่พระแกล แล้วกราบทูลแก่เจ้าชายนันทะว่า ขอให้รีบเสด็จกลับมาโดยเร็วด้วย เจ้าชายนันทะได้ฟังเสียงเจ้าหญิงแล้ว ก็เกิดความละล้าละลัง แต่ก็ได้ตามเสด็จไปจนถึงพระวิหาร และได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ
ในกาลต่อมา ได้มีคำกล่าวจากเพื่อพรหมจารีว่า พระนันทะบวชเพราะต้องการได้นางสวรรค์ พระผู้มีพระภาคเป็นนายจ้าง พระนันทะเป็นลูกจ้าง เธอได้ฟังก็เกิดความละอายใจ จึงหลีกออกจากหมู่ไปบำเพ็ญเพียร จนในที่สุดก็ได้ประสบสุขชั่วนิรันดร
พระอานนท์และพระเทวทัตออกบวช
สมัยนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อนุปิยนิคม เมืองกุสินารา พวกพระญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ได้ทราบข่าว จึงอนุญาตให้โอรสของตน ๆ ออกบวชตามพระญาติฝ่ายพระมารดา และพระญาติของพระบิดา จำนวนฝ่ายละแปดพันองค์ รวมเป็นหนึ่งหมื่นหกพันองค์
พระมหานามโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ได้อนุญาตให้พระอนุรุทธออกบวช พระอนุรุทธจึงชวนบรรดากษัตริย์คือ พระภัททิยะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยนั้น พระอานนท์ ราชโอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ พระภคุ พระกิมพิละ พระเทวทัตต์ พระอนุชาของพระนางยโสธราพิมพานอกจากนั้นยังมีอุบาลี ช่างกัลบกประจำราชสำนัก ทั้งหมดได้รับการบรรพชาอุปสมบทเป็นภิกษุ
ในบรรดาภิกษุใหม่ทั้งเจ็ดรูปนั้น เว้นพระอานนท์และพระเทวทัตต์ ได้บรรลุพระหัตผลทุกรูป ส่วนพระอานนท์ได้ฟังพระธรรมเทศนา จากพระปุณณมัมตานีบุตรเถร จึงได้บรรลุโสดาปัตติผลและได้เป็นผู้ ปรนนิบัติพระพุทธเจ้าอย่างใกล้ชิด และเชี่ยวชาญในคำสอนของพระพุทธองค์
ส่วนพระเทวทัตต์สำเร็จทางฌาณโลกีย์ ต่อมาภายหลังเมื่อถูกลาภสักการะเข้าครอบงำ คิดจะอยู่ในฐานะของพระพุทธเจ้าเสียเอง ได้ทูลขอปกครองสงฆ์จากพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธองค์ไม่ยินยอม จึงได้คบคิดกับพระเจ้าอชาติศัตรูแห่งกรุงราชคฤห์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ผลสุดท้ายได้ทำร้ายพระพุทธเจ้า ถึงขั้นอนันตริยกรรม จึงถูกแผ่นดินสูบทั้งเป็น
อนาถปิณฑิกะ สร้างพระเชตวันวิหารถวายพระพุทธเจ้า
ในกรุงสาวัตถีแคว้นโกศล มีคหบดีผู้หนึ่งชื่อ สุทัตตะ ท่านผู้นี้เป็นคนใจเอื้อเฟื้อต่อคนยากจน ได้ตั้งโรงทานเพื่อให้ทานแก่ คนยากจนทั่วไป จึงได้สมญานามว่า อนาถปิณฑิกะ แปลว่า ผู้มีก้อนข้าวแก่คนอนาถา
วันหนึ่ง อนาถปิณฑิกะไปเยี่ยมราชคฤหเศรษฐี ซึ่งเป็นสามีของพี่สาวของตน พอดีตรงกับวันที่ราชคฤหเศรษฐี นิมนต์พระบรมศาสดาพร้อมพระภิกษุสงฆ์ไปฉันภัตตาหารที่บ้านของตน อนาถปิณฑิกะมีความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งในโอกาสดังกล่าว อยากได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ วันรุ่งขึ้น อนาถปิณฑิกะก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ณ พระเวฬุวัน ได้ฟังพระธรรมเทศนาคือ อนุปุพพิกถา และอริยสัจสี่ แล้วบรรลุพระโสดาปัตติผล จึงได้สร้างพระเชตวันวิหารถวายพระบรมศาสดา นับเป็นวิหารที่สร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนาแห่งแรก
หน้าแรก................................................หน้าที่แล้ว................................................หน้าถัดไป
No comments:
Post a Comment